นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือน เม.ย.66 ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.5 เพิ่มติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และสูงสุดในรอบ 52 เดือน โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลง และบรรยากาศการเลือกตั้ง ช่วยประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก หากพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่นใน 9 ด้าน คือ เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก มาตรการของรัฐ สังคม ความมั่นคง การเมืองการเลือกตั้ง ภัยพิบัติโรคระบาด ราคาสินค้าเกษตร ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และอื่นๆ พบว่า ปัจจัยทางการเมืองและการเลือกตั้งมีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากในเดือน ม.ค. 66 ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญปัจจัยทางการเมืองและการเลือกตั้งต่อความเชื่อมั่น เป็นอันดับที่ 7 จาก 9 ปัจจัย
อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้เข้าสู่ช่วงเลือกตั้งปัจจัยด้านการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นปรับสูงขึ้น โดยอยู่ที่อันดับที่ 5 และอันดับที่ 3 ในเดือน ก.พ.และ มี.ค. และเดือน เม.ย. มาอยู่อันดับที่ 2 สะท้อนถึงความสำคัญของการเลือกตั้งต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค และเมื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงจำแนกตามมิติต่างๆ ทั้งภูมิภาค ช่วงอายุ อาชีพ รายได้ และการศึกษา เทียบกับช่วงต้นปีในเดือน ม.ค. 66
“การให้ความสำคัญด้านการเลือกตั้ง และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สะท้อนถึงการคาดหวังในนโยบายที่พรรคการเมืองต่างๆ ได้มีการหาเสียงไว้ ซึ่งคาดว่าจะตอบโจทย์ของคนในแต่ละกลุ่ม อย่างครบถ้วน ดังนั้น หากจะรักษาโมเมนตั้มให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในระดับช่วงเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง หลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว นโยบายต่างๆ ควรมีการดำเนินให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว”
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ประชาชนภาคเหนือมองว่าการเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด คิดเป็น 176% รองลงมาภาคกลางเพิ่มขึ้น 163% ภาคใต้เพิ่มขึ้น 128% กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพิ่มขึ้น 105% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 99% แต่หากเทียบปัจจัยการเมืองในแต่ภาค พบว่า เดือน ม.ค. 66 ประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมองว่า การเมืองเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลต่อความเชื่อมั่นมากกว่าภูมิภาคอื่น แต่เมื่อเข้าใกล้ช่วงเลือกตั้ง ทุกภาคปรับเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกัน สำหรับกลุ่มช่วงอายุ 40-49 ปี มองว่าการเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลเพิ่มขึ้นมากสุด 185% รองลงมาเป็นกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ หากพิจารณาตามกลุ่มอาชีพ พบว่าพนักงานบริษัทมองว่าการเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยสำคัญ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมากสุด 171% รองลงมาเกษตรกร เพิ่มขึ้น 145% ข้าราชการ 124% เมื่อจำแนกตามรายได้ พบว่า กลุ่มคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 40,001-50,000 บาท มองว่าการเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยสำคัญสุด สำหรับประชาชนที่มีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีมองว่า การเมืองและการเลือกตั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผล
คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง